Interview with Coach Terdtoon

 

เปิดห้องรับแขกโค้ชเทอดทูน ประธานสถาบันโค้ชไทย

 

Q อยากให้โค้ชเทอดทูนเล่า background ก่อนมาเป็นโค้ช


ผมโตมาจากวงการบริหารทรัพยากรมนุษย์และประสิทธิภาพองค์กร (Human Resources Management and Organization Effectiveness) ครับ พอเรียนจบปริญญาโทด้านบริหารรัฐกิจและทำงานที่อเมริกาเกือบ 10 ปี กลับมาไทยตำแหน่งแรกคือเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลและตำแหน่งสุดท้ายคือผู้อำนวยอาวุโสการฝ่ายทรัพยากรบุคคล รวมแล้วใช้ชีวิตทำงานในองค์กรประมาณ 25 ปีกับบริษัทข้ามชาติ เช่น Pepsi, Sony, Nike, Nokia และ ที่สุดท้ายคือ Maersk ก่อนออกมาอยู่ในสายงานด้านการเรียนรู้ ที่ปรึกษา และ โค้ชแบบเต็มตัว

Q เริ่มรู้จักเกี่ยวการโค้ชตั้งแต่เมื่อไหร่

ผมได้ยินคำว่า Coaching ครั้งแรกตอนอยู่ที่ Nike Thailand ก็สักประมาณ 15 ปีมาแล้วครับ Coaching เป็นหนึ่งในหลายๆ ส่วนในโครงการพัฒนาภาวะผู้นำที่ทาง Nike Inc. บริษัทแม่จากอเมริกาให้หัวหน้างานและผู้นำของบริษัทเรียนรู้โดยส่ง trainer มาจากอเมริกา ผมเป็นผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคล ก็ต้องดูแลการเรียนรู้ในหลักสูตรนี้ ว่ากันจริงๆ แล้วตอนนั้นคำว่า Coaching ก็ยังไม่ชัดเจนสำหรับผมหรอกครับ ผมเข้าใจผิดว่าเป็นเรื่องการสอนงานอยู่นานเลย ประกอบกับ Nike เป็นบริษัทผู้นำเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ด้านการกีฬา บทบาทของโค้ชทางธุริจและโค้ชทางกีฬาก็พัวพันกันไปมาทำเอางงพอสมควร ซึ่งผมก็มารู้เอาหลายปีให้หลังว่าโค้ชกีฬากับโค้ชธุรกิจนี้เป็นคนละอย่างกันเลยครับ

Q อย่างนี้ก็แสดงว่าโค้ชเทอดทูนเริ่มต้นใช้การโค้ชในองค์กร


ใช่ครับ แต่ไม่ได้ใช้จริงๆ จังๆ จะเรียกว่าใช้แบบผิดๆ ถูกๆ ในตอนแรกๆ ก็ได้ อย่างที่บอกไปแล้วครับว่าการโค้ชเป็นเรื่องที่ใหม่มากๆ ในตอนนั้น เพราะแม้แต่ในอเมริกาหรือยุโรปการโค้ชเมื่อประมาณ 20-30 ปีที่แล้วก็เป็นคนละเรื่องกับการโค้ชสมัยใหม่อย่างในปัจจุบันนี้นะครับ เอาง่ายๆ เลยครับ สหพันธ์โค้ชนานาชาติ หรือ International Coach Federation (ICF) ก่อตั้งเมื่อปี 1995 ก็เพิ่งจะครบ 21 ปีในเร็วๆ นี้ ช่วงแรกๆ ก็คงมีการมั่วกันมากหน่อย

Q แล้วเริ่มสนใจเกี่ยวกับการเป็นโค้ชตอนไหน


ตอนอยู่ที่ Maersk ครับ ซึ่งอยู่นานถึง 10 ปีเต็มไม่ขาดไม่เกินแม้กระทั่งวันเดียว เริ่มจาก 5 ปีก่อนผมออกจากที่นั่น ผมรับผิดชอบงานอยู่ 2 อย่าง ตำแหน่งแรกคือผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคลของประเทศไทยสำหรับ Maersk Group Thailand และตำแหน่งที่สองคือผู้จัดการด้านประสิทธิภาพและการพัฒนาองค์กรในภูมิภาคเอเซีย-แปซิฟิคให้กับ Maersk APAC ประมาณ 7-8 ประเทศ ผมมีลูกน้องที่นั่งทำงานอยู่ทั้งที่ไทยและสิงคโปร์ ซึ่งงานหลังที่เกี่ยวกับ OD นี่แหละครับทำผมเข้าไปเกี่ยวข้องกับการสร้างและพัฒนาคนเก่งและผู้นำให้กับองค์กรนี้ ซึ่งบริษัทแม่ที่เดนมาร์กคือ A.P. Moller-Maersk มีชื่อเสียงด้านการพัฒนาคนเก่งติดอันดับโลกเลยทีเดียว และตอนนั้นผมลงเรียน Applied Psychology ที่ Copenhagen Business School อยู่ 2 ปีเต็มก็เริ่มชอบด้านจิตวิทยาประยุกต์ การโค้ชได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตการทำงานของผมก็ตอนช่วงนี้หละครับเพราะต้องดูและพัฒนาหัวหน้างานทุกประเทศให้มีความสามารถในการเป็นโค้ช ตอนนั้น Maersk ใช้ผู้เชี่ยวชาญจากภายในมาช่วยพัฒนาการโค้ชจากยุโรปและอเมริกา ส่วนที่ถามว่าเริ่มสนใจเกี่ยวกับการเป็นโค้ชตอนไหนก็คงบอกได้ว่าเมื่อรู้ว่าการโค้ชเป็นวิธีการสำคัญที่สุดที่ใช้เป็นเครื่องมือแทรกแซงหรือ intervention ในการพัฒนาองค์กรที่สามารถลงไปลึกถึงศักยภาพของผู้อื่น คำว่า “ศักยภาพ” นี่แหละครับที่มีเส่นห์และแรงดึงดูดให้ผมค้นหาความหมายที่แท้จริงของการโค้ช ลองคิดดูซิครับว่าถ้าคนเราสามารถรู้วิธีปลดปล่อยศักยภาพได้จริงๆ มันจะน่าอัศจรรย์แค่ไหน

Q อะไรเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้ออกจากองค์กรแล้วหันมาทำงานด้านการโค้ชแบบเต็มตัว

ก็คงเป็นเพราะพลังของการโค้ชนั่นแหละครับ ผมคิดว่าผมถูกจริตกับการโค้ชนะครับ ดูได้ตั้งแต่การเติบโตมาจากเด็กเป็นผู้ใหญ่ ที่บ้านคุณพ่อกับคุณแม่ของผมให้อิสระทางความคิดกับลูกๆ มาก ผมเลยไม่อยู่ติดกับกรอบความคิดที่คนอื่นให้มา และก็อาจเป็นไปได้ว่าเกิดมาเป็นคนดื้อ :) เลยไม่เชื่อและไม่ชอบวิธีการที่มีคนอื่นมาบอก มาสอน มาแนะนำเท่าไหร่ ผมชอบคิดเองและเรียนรู้ด้วยตัวเองมากกว่า ซึ่งการคิดวิเคราะห์ให้เกิด “ปัญญา” นี่แหละถือเป็นหัวใจของการโค้ชเลยทีเดียว ผมเป็นคนชอบใช้จินตนาการและมีความคิดสร้างสรรค์มาตั้งแต่เด็ก ชอบงานศิลปะและภาษา สองอย่างนี้มีอิทธิพลและความสำคัญกับการเป็นโค้ชมากครับ ตอนปริญญาตรีผมเรียนกฎหมายที่จุฬาฯ ก็ได้ความรู้และนิสัยอันมีค่าอย่างมากในการวิเคราะห์ จับประเด็นแบบนักกฎหมาย แถมต้องใช้ภาษากฎหมายให้รัดกุม ถึงแม้ผมจะไม่ได้ทำงานสายกฎหมายแต่หันมาจับเรื่องคน ก็ต้องขอกราบขอบคุณปรมาจารย์ด้านกฎหมายคุณภาพแนวหน้าระดับประเทศมา ณ ที่นี้ที่ได้ประสิทธิประสาทการเข้าไปถึงแก่นของการสื่อสารของผู้อื่นไม่ว่าจะด้วยคำพูดหรือไม่ ว่าไปแล้วผมโชคดีมากๆ ครับที่ได้มีโอกาสพัฒนาการใช้สมองทั้งด้านซ้ายและขวาอย่างต่อเนื่องมาเป็นลำดับ โค้ชต้องใช้ทั้งความสามารถในการวิเคราะห์และจินตนาการครับ คือต้องเก่งใน “การคิดวิเคราะห์แบบนอกกรอบ” เป็นประมาณนั้น คำนี้ผมคิดขึ้นมาเองเล่นๆ น่ะครับ

Q ทราบว่าโค้ชเทอดทูนเริ่มต้นด้วยการเป็น trainer ด้านการโค้ชก่อนมาเป็นโค้ชผู้บริหาร

ผมบรรยายเรื่องการโค้ชและบทบาทหัวหน้างานในฐานะโค้ชมาประมาณเกือบๆ 10 ปีตั้งแต่ยังทำงานประจำอยู่ให้กับองค์กรและสถาบันการศึกษาเกือบ 200 แห่งทั้งในและต่างประเทศ รวมผู้เข้าเรียนรู้ไม่น้อยกว่า 4-5 หมื่นคน ส่วนใหญ่จะเป็นทางด้าน Performance Coaching และ Leadership Coaching ครับ องค์กรแรกที่ให้เกียรติและโอกาสผมบรรยายในหัวข้อนี้คือ CP Foods ซึ่งในปัจจุบันนี้ก็ยังคงรับผิดชอบอยู่ทั้งในและต่างประเทศ การเป็น trainer ในหัวข้อนี้ท้าทายมากๆ ครับเพราะต้องสามารถช่วยให้ผู้เรียนรู้ยอมรับ เข้าใจ และ สามารถนำไปใช้ได้จริง สำหรับผู้บริหารหรือหัวหน้างานบางคนเริ่มจากการไม่ยอมรับจริงๆ จังๆ เกี่ยวกับการโค้ชก็เป็นอุปสรรคแล้วครับ ปัจจุบันผมเป็นวิทยากรนานาชาติ (international trainer) ของ NeuroLeadership Group ซึ่งเป็นองค์กรการโค้ชนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดของโลกก่อตั้งโดย Dr. David Rock กูรูด้านการโค้ชเชิงประสาทวิทยาอันดับหนึ่งของโลก ผมได้ประสบการณ์จากการโค้ชผู้ที่สนใจเป็นโค้ชมืออาชีพในภูมิภาคเอเซีย-แปซิฟิคจากองค์กรนี้อย่างมากครับ ผมภูมิใจที่เป็นคนไทยคนแรกและคนเดียวที่อยู่ในทีม trainer ที่ฝึกคนหลายๆ ชาติให้เป็นโค้ชมืออาชีพตามมาตรฐานสากลตามหลักของ ICF การได้เห็นมุมมองเกี่ยวกับการโค้ชจากหลายๆ คน หลายๆ รุ่นในต่างประเทศเป็นสิ่งที่มีค่าในการเรียนรู้เกี่ยวกับการโค้ชมากครับ

Q ปัจจุบันนี้โค้ชเทอดทูนใช้เวลากับการเป็น trainer หรือเป็นโค้ชมากกว่ากัน

เป็น trainer 60% เป็นโค้ช 40 % ครับ แต่ต่อไปอาจเป็นไปได้ที่ต้องเป็นแบบครึ่งๆ เพราะมีงานด้านการโค้ชตัวต่อตัวและกลุ่มมากขึ้น ก็นับเป็นกระแสที่ดีมากครับ แล้วอีกอย่างคือการโค้ชสามารถทำได้ทางโทรศัพท์หรือ Skype อย่างมีประสิทธิภาพ ผมสามารถทำงานได้ 24 ชั่วโมงกับโค้ชชี่ของผมในต่างประเทศ

Q หลักสูตรการโค้ชนี่บรรยายอะไรบ้าง


ผมบรรยายเป็นภาษาไทยให้กับสถาบันโค้ชไทยทั้งแบบในและนอกองค์กร ส่วนภาษาอังกฤษผมมีประสบการณ์บรรยายให้กับ NeuroLeadership Group โดยเนื้อหาอ้างอิงจากสมรรถนะหลักของโค้ชที่กำหนดโดย ICF ครับ

Q สถาบันโค้ชไทยทำอะไรบ้าง

มีอยู่สามด้านหลักๆ ครับคือ วิชาชีพ วิชาการ และ วิจัย

ด้านวิชาชีพคือพยายามให้การโค้ชได้รับการยอมรับเป็นวิชาชีพหนึ่ง ซึ่งผมมองว่าแล้วคงใช้เวลาพอควรและเรายังต้องเดินทางข้ามอุปสรรคนานาประการกันอีกไกล แต่การโค้ชเป็นสิ่งที่องค์กรทั้งหลายกล่าวถึงกันอยู่ และถึงแม้ต่างประเทศจะมีการยอมรับว่าการโค้ชเป็นอาชีพหนึ่งที่ต้องผ่านการรับรอง โค้ชในไทยก็ยังต้องพิสูจน์ตัวเองอีกมากครับ บุคคลจากอาชีพอื่นโดยเฉพาะที่ปรึกษา และ วิทยากรให้ความสนใจในการเป็นโค้ชกันมากแต่เรื่องการนำไปใช้เป็นอาชีพจริงๆ แบบไม่ผสมผสานการชี้นำ แนะนำ นั้นไม่รู้ว่าทำกันอย่างไรบ้าง ทักษะการโค้ชแบบนานาชาติของ ICF เป็นสิ่งเฉพาะตัวไม่ใช่อะไรๆ ก็เรียกกันว่าการโค้ช ลองดูง่ายๆ อย่างนี้ครับว่า ICF ให้ความสำคัญกับความชัดเจนของการเป็นโค้ชที่แตกต่างกับอาชีพอื่นๆ เรียกว่า ถ้าไม่สามารถทำได้ก็จะไม่ผ่านการประเมินเลยทีเดียว สถาบันโค้ชไทยมีจุดมุ่งหมายในการเผยแพร่หลักการโค้ชมาตรฐานสากลตามหลักของ ICF แบบ 100% เพื่อเตรียมความพร้อมโค้ชไทยก้าวไปสู่ AEC ในปีหน้านี้แล้วครับ

ส่วนด้านวิชาการนั้นสถาบันโค้ชไทยมีหลักสูตรโค้ชมืออาชีพมาตรฐานสากล (Professional Coaching Certification Program – PCCP) ที่เรียกกันว่าหลักสูตร “โค้ชไทย” โดยเรียนรู้แบบเข้มข้น 100 ชั่วโมงในระยะเวลาประมาณ 5 เดือนเต็ม ผมและทีมงานยินดีที่จะใช้เวลากับผู้สนใจเป็นโค้ชแบบต้องโค้ชกันให้ได้ไม่เช่นนั้นไม่ให้ผ่าน เราจะให้ feedback แบบตรงๆ ไม่อ้อมค้อม ผิดก็ว่าผิดถูกก็ว่าถูก โดยไม่แบ่งเรื่องอายุ ประสบการณ์ หรือ ตำแหน่งของผู้เข้าร่วมโครงการเพราะทุกคนเข้ามาเรียนรู้ใหม่กันหมด หลักสูตรนี้เป็นความร่วมมือกับ Towards Mastery พันธมิตรจากออสเตรเลียมาช่วยให้คำปรึกษาการออกแบบหลักสูตรนี้จาก Towards Mastery Coach Training Program เพื่อให้มีความเป็นสากลอย่างลงตัวแบบไทยอย่างแท้จริง ผู้ที่สำเร็จหลักสูตรโค้ชไทยจะได้รับวุฒิบัตรจาก สถาบันโค้ชไทย และ Towards Mastery สำหรับ 60 ชั่วโมง Approved Specific Coaching Hours (ACSTH) ที่ได้การรับรองจาก ICF สามารถนำไปต่อยอดการเป็นโค้ชที่ได้รับการรับรองจากสหพันธ์โค้ชนานาชาติ (ICF credential) 

สุดท้ายในด้านวิจัยและที่ปรึกษา สถาบันโค้ชไทยมุ่งเน้นการวิจัยด้านการสร้างวัฒนธรรมการโค้ชในองค์กรโดยผ่านหน่วยงานที่ใช้ชื่อว่า CCC (Creating a Coaching Cultures) เราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างวัฒนธรรมการโค้ชในองค์กรของไทย มีเครื่องมือในการวินิจฉัยและประเมินว่าองค์กรใดมีวัฒนธรรมการโค้ชที่มีประสิทธิภาพเพียงใด ประกอบกับเรื่องการศึกษาส่วนตัว ผมเตรียมงานวิจัยดุษฎีนิพนธ์ปริญญาเอกตัวที่สองด้านการสร้างวัฒนธรรมการโค้ชในองค์กรโดยมีกรณีศึกษาเป็นองค์กรข้ามชาติและองค์กรไทยชั้นนำของประเทศ ผลงานวิจัยของผมกับวิทยาลัยพาณิชยศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา คงจะทะยอยออกมาในรูปบทความที่จะลงใน international journal เป็นระยะครับ

นอกจากนั้นสถาบันโค้ชไทยยังสนับสนุนกิจกรรม CSR หรือ จิตอาสาต่างๆ เช่น โครงการเมล็ดธรรมนำปัญญาที่ได้รับการสนับสนุนโดย บจก. CP Retailink ในเครือของ บมจ. CP All / โครงการโค้ชไทยหัวใจสีขาว เช่น ครูใต้หัวใจโค้ช ร่วมกับ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) / โครงการโค้ชแมวหมาน่ารักเพื่อช่วยเหลือน้องแมวหมาจรจัดหาบ้าน / โครงการโค้ชเปลี่ยนชีวิตเป็นการบริการการโค้ชชีวิตจิตอาสาทุกวันพุธครับ

Q ทราบว่าโค้ชเทอดทูนมีบทบาทช่วยเหลือสนับสนุน ICF ในประเทศไทย

ผมเป็น Founding President คือประธานผู้ก่อตั้ง ICF Bangkok Chapter ขณะนี้เรามีโค้ชมาตรฐานสากลที่ได้รับการรับรองโดย ICF ที่ไทยประมาณ 100 คนเป็นทั้งโค้ชชาวไทยและชาวต่างชาติจากจำนวนคนไทยเกือบ 70 ล้านคนก็ถือว่าน้อยมากๆ ICF เป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรที่มีสมาชิกเป็นโค้ชกว่า 7 หมื่นคนทั่วโลก และจำนวนโค้ช ICF นั้นมากขึ้นๆ ทุกวันโดยดูจากจำนวนที่สมัครเข้ามาเพื่อรับการ accredit เป็น ACC PCC MCC ผมอยากเห็นโค้ชที่ได้รับการรับรองโดย ICF มีจำนวนเพิ่มขึ้นมากๆ ครับ นี่เป็นเหตุหนึ่งที่สถาบันโค้ชไทยพยายามสร้างโค้ชมืออาชีพประเภทนี้ออกมา

Q อยากให้แชร์เกี่ยวกับบทบาทการเป็นโค้ชของโค้ชเทอดทูนเอง

ถ้าตอบสั้นๆ ผมเป็นทั้งโค้ชผู้บริหาร โค้ชชีวิต และ โค้ชธุรกิจครับ ผมใช้วิธีการโค้ชตามหลักของ ICF อย่างสมบูรณ์แบบคือไม่มีการชี้นำหรือแนะนำอย่างใดทั้งสิ้น (pure coaching) เพราะผมเชื่อว่าโค้ชชี่ทุกคนของผมมีศักยภาพอย่างเต็มเปี่ยมผมเป็นเพียงผู้ใช้กระบวนการโค้ชสะท้อนให้เขาเห็นตัวเองเพื่อหาทางออกที่เหมาะสมเพื่อการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืน ถ้ารู้หลักการโค้ชที่เน้นกระบวนการแล้วเราสามารถโค้ชใครก็ได้ เรื่องอะไรก็ได้ แต่ถ้าพูดถึง niche ของผมด้านการโค้ชก็จะเป็น performance coaching, leadership coaching, mindfulness coaching, EQ coaching และ sales coaching

Q โค้ชเทอดทูนมีอะไรแนะนำเกี่ยวกับผู้ที่อยากเป็นโค้ชมืออาชีพบ้าง

ผมมองว่าการเรียนรู้ทางทฤษฎีเกี่ยวกับการโค้ชเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง นี่คือสิ่งที่สถาบันสอนการโค้ชทั่วโลกออกแบบมาเพื่อพัฒนาให้โค้ชมีหลักการที่มีประสิทธิภาพใช้กับโค้ชชี่ของตัวเอง ผมอยากเรียกว่ามันเป็นเรื่อง “ทฤษฎีของความไม่เป็นทฤษฎี” เพราะทักษะการโค้ช เช่น การถาม การฟัง การให้ข้อมูลป้อนกลับ การสร้างความไว้วางใจ การเข้าให้ถึง ฯลฯ มีอยู่ทั่วไปและเรารู้อยู่แล้วแต่ยังไม่สามารถนำไปใช้ได้ทุกต้อง เรียกว่ารู้ 80% แต่นำไปใช้ถูกแค่ 20% ก็ได้ เทคนิคและเคล็ดลับจาก trainer ที่มีประสบการณ์และรู้ลึกรู้จริงจึงเป็นหัวใจเลยทีเดียว นอกจากนั้นการปฏิบัติก็เป็นสิ่งสำคัญมาก โค้ชมือใหม่ต้องเรียนรู้และฝึกๆๆๆๆๆ จนกระทั่งตกผลึกความรู้ของตน ยิ่งโค้ชมากก็ยิ่งมีความชำนาญกับโค้ชชี่ที่มากันไม่ซ้ำรูปแบบ

ถ้าสนใจเรียนรู้การเป็นโค้ชเป็นภาษาไทยผมแนะนำหลักสูตร PCCP (Professional Coaching Certification Program) โดยสถาบันโค้ชไทยร่วมกับ Towards Mastery

ถ้าเป็นภาษาอังกฤษก็หลักสูตร BBCC (Brain-based Coaching Certificate)ซึ่งเป็นการเรียนรู้เกี่ยวกับการโค้ชเชิงประสาทวิทยา โดย NeuroLeadership Group

Q สุดท้ายแล้วโค้ชเทอดทูนมีอะไรฝากเกี่ยวกับการโค้ชบ้าง

การโค้ชเป็นเรื่องใหม่ที่ต้องการความชัดเจนครับ คำนิยามของคำว่าโค้ชก็เป็นที่ถกเถียงกันมากทั่วโลกว่าหมายถึงอะไรกันแน่ ผมเองเคารพการรับรู้การเข้าใจของทุกคนในข้อนี้เลยไม่สามารถบอกได้ว่าใครเป็นโค้ช-ใครไม่เป็นโค้ชหรือเขาได้ใช้การโค้ชจริงๆ จังๆ หรือไม่ แต่สิ่งที่ผมเชื่อและปฏิบัติตามอยู่ทั้งมาตรฐานและจริยธรรมคือหลักการของ International Coaching Federation ที่ให้คำนิยามไว้ว่า “การโค้ชคือการเป็นหุ้นส่วนกับผู้รับการโค้ชในกระบวนการกระตุ้นความคิดอย่างสร้างสรรค์เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้พวกเขานำเอาศักยภาพทั้งส่วนทางตัวและวิชาชีพมาใช้อย่างสูงสุด” (Coaching is partnering with clients in a thought-provoking and creative process that inspires them to maximize their personal and professional potential) สิ่งที่ผมเชื่อมั่นคือการโค้ชแบบให้เขาค้นพบตัวเองโดยไม่มีการชี้นำแม้แต่เล็กน้อยจะช่วยให้เขาเกิดการเปลี่ยนแปลงแบบยั่งยืนครับ


เส้นทางการเรียนรู้ ดร. เทอดทูน ไทศรีวิชัย, PCC  

การศึกษา

• ปริญญาตรีด้านกฎหมาย จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
• ปริญญาโทด้านรัฐประศาสนศาสตร์จาก Portland State University ประเทศสหรัฐอเมริกา
• ปริญญาเอกด้านบริหารธุรกิจจาก University of South Australia ประเทศออสเตรเลีย
• อนุปริญญาด้านจิตวิทยาประยุกต์ จาก Copenhagen Business School ประเทศเดนมาร์ก
• ปริญญาเอกด้านพัฒนาองค์การและการจัดการทรัพยากรมนนุษย์ มหาวิทยาลัยบูรพา

ประสบการณ์ทำงาน

• ผู้บริหารระดับสูงด้าน การบริหารทรัพยากรบุคคลและการพัฒนาองค์กรทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศกว่า 30 ปี จากองค์กรชั้นนำของโลก เช่น Pepsi / Sony / Nike / Nokia และ Maersk
• นักวิชาการ - นักวิจัย - ผู้เชี่ยวชาญ - นักเขียน - ที่ปรึกษา – อาจารย์ ระดับปริญญาโทและปริญญาเอก

ปัจจุบัน 

• ประธานผู้ก่อตั้ง สหพันธ์โค้ชนานาชาติ  สาขาประเทศไทย (Founding President, ICF Bangkok Chapter)

• ประธาน สถาบันโค้ชไทย

• ประธานสมาคม

• International trainer ของ NeuroLeadership Institute ในภูมิภาค Asia-Pacific

• Professional Certified Coach จาก International Coach Federation (คนไทยคนแรก)

 
Visitors: 1,679,162